บทที่ 1
แนวคิดการออกแบบการเรียนการสอน
การออกแบบเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ประสบการความรู้ และทักาะอย่างกว้างขวางเพื่อที่จะแสวงหาทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดภายในข้อจำกัดที่มีอยู่ การออกแบบเกี่ยวข้องการระบุปัญหา ตลอดจนการทดสอบแก้ไขปัญหานั้น และปรับปรุงวิธีการแก้ปัญหาแล้วเริ่มต้นออกแบบใหม่อีก การออกแบบเป็นสิ่งที่มากไปกว่าการก้ปัญหาธรรมดาๆ โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการทั้งหมดในการแก้ปัยหา การออกแบบภายใน (interior desing) และการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design) ในแต่ละสาขาวิชาการออกแบบต้องการแบบของความรู้ที่แตกต่างกัน แต่ทุกสาขาวิชาต่างเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการออกแบบที่คล้ายคลึงกัน (Champton and Finney, 1988 : 2)
ความต้องการจำเป็นในการออกแบบการเรียนการสอน
คิดและคาเรย์ กล่าวว่า ความต้องการในการออกแบบการเรียนการสอน คือ ความจำเป็นเร่งด่วนทันทีทันใด โดยยกตัวอย่างว่า นักออกแบบการเรียนการสอนจำนวน 12 คน ที่ทำงานเกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์ปรมาณูในท้องถิ่นต้องมีปริญญาทางเทคโนโลยีการเรียนการสอนและต้องรับผิดชอบเพื่อที่จะให้เกิดความแน่ใจในคุณภาพของการเรียนการสอนทุกระดับ (Disk and Cary 1985 : 8)
การประกาศรับสมัครในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยบริษัทคู่สัญญาหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขึ้นที่เกาะทรีไมล์และเชอร์โนบิล (Three mile and Chermobyl) : ซึ่งแสดงให้เห็นความกดดันเกี่ยวกับคุณภาพการเรียนการสอนที่พบในหลายๆสถานการณ์ วิธีการหนึ่งพิสูจน์ข้อผูกผันที่มีต่อคุณภาพการเรียนการสอนที่พบในหลายๆสถานการณ์ คือ การผ่านการรับรองในเรื่องของการพัฒนา และการเฝ้าระวังติดตามการเรียนการสอน การออกแบบการเรียนการสอนเป็นการแก้ปัญหาคุณภาพ การเรียนการสอนในสถานการณ์ต่างๆที่หลากหลาย
ในกรณีของเตาปฏิกรณ์ปรมาณู (nuclear power plants) มีความต้องการที่ควบคุมการเรียนการสอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งในด้านการป้องกันและความพยายามที่จะป้องกันอุบัติเหตุสถาบันปฏิบัติการพลังนิวเคลียร์และการอุตสาหกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก่อตั้งองค์กรเพื่อจัดทำนโยบายของตนเองโดยมีมาตรฐานคำสั่งสำหรับโปรแกรมการฝึกอบรมมาตรฐานประกอบด้วยการใช้กระบวนการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน สถาบันจะเป็นผู้ประเมินและรับรองการปฏิบัติทางปฏิกรณ์ปรมาณู และรวมถึงองค์ประกอบของการฝึกอบรมในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย (Vandergrift, 1983)
งานของผู้ออกแบบการเรียนการสอน คือ นำจุดประสงค์และการเรียงลำดับของจุดประสงค์ไปสู่กระบวนการวางแผนการเรียนการสอนเพื่อที่จะให้เกิดความแน่ใจที่คุณภาพการเรียนการสอน วิธีการในลักษณะนี้จะแล้วเสร็จได้ด้วยการประยุกต์ใช้กระบวนการเชิงระบบและใช้การวิจัยและความรู้ทางทฤษฎีจากการออกแบบการเรียนการสอนและจากสาขาวิชาอื่นๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ จิตวิทยา และศิลปะ (Vandergrift, 1983) ดังข้อสันนิษฐานของกาเย่ กริกส์ และ เวเกอร์ (Gagne, Briggs, and Wager) ที่มีต่อการออกแบบการเรียนการสอนว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้และมีคุณค่าโดยมีการออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องดังนี้คือ
1. มีจุดหมายที่จะช่วยการเรียนรู้ของปัจเจกบุคคล
2. เป็นแผนระยะสั้นและระยะยาวที่จะให้ผลในการพัฒนามนุษย์
3. ควรดำเนินการด้วยวิธีการเชิงระบบที่สามารถให้ผลอันยิ่งใหญ่ต่อการพัฒนามนุษย์
4. ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ว่ามนุษย์มีการเรียนรู้ได้อย่างไร (Gagne, Briggs, and Wager, 1992:4-5)
ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า ความต้องการจำเป็นในการออกแบบการเรียนการสอน คือ การแก้ปัญหาคุณภาพการเรียนการสอนในสถานการณ์ที่หลากหลาย เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพด้วยวิธีการเชิงระบบที่ให้ผลอันยิ่งใหญ่ต่อการพัฒนาปัจเจกบุคคล และมนุษย์โดยทั่วไปและตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไร
นิยามการออกแบบการเรียนการสอน
ริตา ริชชีย์ (Rita Richey, 1986:9) ได้นิยามการออกแบบการเรียนการสอนว่า หมายถึงวิทยาศาสตร์การสร้างสรรค์รายละเอียดที่ชี้เฉพาะเพื่อการพัฒนา การประเมินผลและการบำรุงรักษาสถานการณ์ หรือเงื่อนไขที่อำนวยความสะดวกให้กับการเรียนรู้ในหน่วยของเนื้อหาวิชา (Unit of subject matter) ทั้งหน่วยใหญ่และหน่วยย่อยการนิยามของริชชีย์เป็นการให้ความกระจ่างกับความสัมพันธ์ของนักวิจัยซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกแบบการเรียนการสอน แต่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือบนพื้นฐานของความรู้ ในขณะที่ไชยยศ เรืองสุวรรณ ได้นิยามว่า การออกแบบการเรียนการสอน เป็นการวางแผนกาเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุจุดหมายจุดเริ่มของการออกแบบการเรียนการสอนควรเป็นการพิจารณาองค์ประกอบเบื้องต้นของระบบและพิจารณาสภาพทั่วไปเกี่ยวกับการเรียนการสอนและไชยยศ เรืองสุวรรณ (ไชยยศ, 2533:12) ยังได้เสนอกรอบแนวคิดของระบบการออกแบบการเรียนการสอนด้วยว่า มีองค์ประกอบสี่ประการ คือ ผู้เรียน จุดหมาย วิธีสอน และการประเมินผลโดยตั้งคำถามที่คล้ายคลึงกับคำถามของไทเลอร์ (Tyler, 1974:1)
(ไทเลอร์ Tyler)
1.จะออกแบบและพัฒนาโปรแกรมนี้ไว้เพื่อใครเป็นการพิจารณาคุณลักษณะผู้เรียนหรือผู้เข้ารับการฝึกอบรม
2.ต้องการให้ผู้เรียน หรือผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้อะไร หรือมีความสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง เป็นการกำหนดจุดหมายของการเรียน
3.ผู้เรียนจะเรียนรู้เนื้อหาวิชาหรือทักษะต่างๆได้ดีที่สุดอย่างไร เป็นการกำหนดวิธีการสอนและกิจกรรมของการเรียนการสอน
4.จะได้รู้อย่างไรว่า ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ เป็นการกำหนดกระบวนการประเมินผล
การออกแบบการเรียนการสอน (instructional systems design) เป็นกระบวนการเชิงระบบของการวางแผนระบบการเรียนการสอนและการพัฒนาการเรียนการสอน (instructional development) เป็นกระบวนการของการนำแผนไปใช้ เมื่อรวมหน้าที่ทั้งสองเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นองค์ประกอบของเทคโนโลยีการเรียนการสอน (instructional technology) ซึ่งเป็นคำที่กว้างกว่าระบบการเรียนการสอนและอาจนิยามได้ว่าเป็นการประยุกต์ระบบของทฤษฎีและความรู้ที่ใช้ในภาระงานของการออกแบบการเรียนการสอนและอาจนิยามได้ว่าเป็นการประยุกต์ระบบของทฤษฎีและความรู้ที่ใช้ในภาระงานของการออกแบบการเรียนการสอนและการพัฒนา เทคโนโลยีการสอน หมายรวมถึงคำถามที่เป็นความรู้ใหม่เกี่ยวกับว่า บุคคลเรียนรู้อย่างไร และจะออกแบบระบบการสอนหรือวัสดุอุปกรณ์อย่างไรจึงจะดีที่สุด
อาจสรุปได้ว่า การออกแบบการเรียนการสอน หมายถึง กระบวนการแก้ปัญหาการเรียนการสอนโดยวิเคราะห์สถานการณ์ หรือเงื่อนไขการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ แล้วจึงวางแผนการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้จัดการการเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมาย โดยอาศัยความรู้จากหลายๆทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีการสอน ทฤษฎีการติดต่อสื่อสาร ตลอดจน ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
ประโยชน์ของการออกแบบและการจัดการเรียนรู้
การลงทุนที่ประสบผลสำเร็จ หมายถึงการที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้ประโยชน์หากเปรียบเทียบกับการทำงานทางธุรกิจแล้ว ประโยชน์ย่อมหมายถึงกำไร เจ้าของกิจการได้กำไร ลูกค้าพอใจในราคา คุณภาพ และบริการ คนงานและลูกจ้างได้รับค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อบริษัท ในทำนองเดียวกัน นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนย่อมได้ประโยชน์จากการเรียนการสอนไม่มากก็น้อย ดังที่ ไชยยศ เรืองสุวรรณ ได้กล่าวว่า
1.ผู้บริหารหรือผู้จัดการโปรแกรมการศึกษาและการเรียนการสอนย่อมต้องการความมั่นใจในประสิทธิภาพ และประสิทธิภาพของการเรียนโดยใช้งบประมาณประหยัดที่สุด
2. นักออกแบบการสอน ย่อมต้องการความมั่นใจว่า โปรแกรมที่ออกแบบไว้เป็นโปรแกรมที่น่าพอใจ ซึ่งบ่งชี้ที่สำคัญในความพอใจก็คือผู้เรียนามารถเรียนรู้ได้ในเวลาที่เหมาะสม
3. ครูผู้สอนย่อมต้องการที่จะเห็นผู้เรียนได้รับความรู้ ความสามารถอื่นๆ ที่จำเป็น รวมทั้ง ต้องการมีวามสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน
4.ผู้เรียนต้องการความสำเร็จในการเรียน ได้รับประสบการณ์การเรียนด้วยความสนุกสนานและพอใจ (ไชยยศ, 2533 : 14)
(ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ)
ออร์แลนสกี และตริง (Oransky and Stering, 1981) ได้สรุปผลจากการวิจัยการสอนรายวิชาเทคนิคต่างๆ ด้านการทหารที่มีการออกแบบการเรียนการสอนเป็นอย่างดีว่าสามารถลดเวลาการสอนรายวิชาเหล่านั้นลงได้จาก 25.30 สัปดาห์ เหลือเพียง 9.6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามรายวิชาดังกล่าวที่เป็นรายงานผลการวิจัยนั้น เป็นรายวิชาด้านการทหาร ยังไม่มีรายงานผลการวิจัยรายวิชาอื่น (ในต่างประเทศ) ที่พัฒนาขึ้นมาโดยกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนแล้วกดเวลาการสอนได้ สำหรับประเทศไทยอาจกล่าวได้ว่า ระบบการสอนของโครงการส่งเสริม สมรรถภาพการสอน (Reduce Instructional Time : RIT) นั้นเป็นการออกแบบและพัฒนาการเรียนการสอนที่ผลการวิจัยระบุว่าสามารถลดเวลาการสอนของครู เเละเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี (ไชยยศ, 2533 : 14)
กลยุทธ์การสอน การออกแบบการเรียนการสอนที่เน้นการสอนรายบุคคลโดยอาศัยสื่อต่างๆ เข้าช่วย ทั้งที่เป็นสื่อประเภทที่มีความซับซ้อนน้อย เช่น กระดาษ ดินสอ สื่อที่มีความซับซ้อนปานกลาง เช่น โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ และสื่อที่มีความซับซ้อนมาก ซึ่งหมายถึงสื่อที่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์ซึ่งกันและกันโดยอาศัยสื่อโทรคมนาคม (interactive learning media) และคอมพิวเตอร์ข้าช่วย ทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ศักยภาพของคนที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ผู้เรียนเร็วสามารถไปได้ไกลที่สุดจนสุดพรมแดนความรู้ตนเอง การออกแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคนจะช่วยในจุดนี้ได้
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไป
ออกแบบการเรียนการสอนนำความรู้จากหลายสาขามาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นขั้นขั้นตอนกระบวนการเชิงระบบเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยพื้นฐานแล้ววิธีการเชิงระบบกำหนดกำหนดให้ถูกต้องระบุว่า จะเรียนอะไร วางแผนการสอนว่าจะยอให้การเรียนรู้อะไรเกิดขึ้น วัดผลการเรียนรู้เพื่อตัดสินว่า การเรียนรู้นันบรรลุตามจุดประสงค์หรือไม่และกลั่นกรองตัวสอดแทรก (intervention) จนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์ จากลักษณะนี้เองจึงทำให้เกิดแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป (generic Instruction Design model :ID model) ขึ้น (Gibbons 1981 : 5, Hannum and Hansan, 1989)
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป มีความง่ายในการใช้มากแต่ต้องใช้ด้วยความประณีต และปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไปได้จัดเตรียมการแนะนำขั้นตอนในกระบวนการของการออกแบบไว้อย่างดี แบบจำลองลักษณะนี้มีความหมายว่าการออกแบบการเรียนการสอนเป็นกระบวนการเชิงระบบที่ประกอบด้วยขั้นตอนทั่วไปเหล่านี้คือ
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป มีความง่ายในการใช้มากแต่ต้องใช้ด้วยความประณีต และปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไปได้จัดเตรียมการแนะนำขั้นตอนในกระบวนการของการออกแบบไว้อย่างดี แบบจำลองลักษณะนี้มีความหมายว่าการออกแบบการเรียนการสอนเป็นกระบวนการเชิงระบบที่ประกอบด้วยขั้นตอนทั่วไปเหล่านี้คือ
1. การวิเคราะห์ (analysis) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องเรียน
2. การออกแบบ (design) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าเรียนอย่างไร
3. การพัฒนา (development) เป็นกระบวนการของการจัดการและผลิตวัสดุอุปกรณ์
4. การนำไปใช้ (implementation) เป็นกระบวนการของการกำหนดโครงการในบริบทของโลกแห่งความจริง
5. การประเมินผล (evaluation) เป็นกระบวนการของการตัดสินตกลงใจต่อความเพียงพอของการเรียนการสอน
ในการออกแบบการเรียนการสอน กระบวนการมีความสำคัญพอๆ กับผลิตผล เพราะว่าความเชื่อมั่นในผลิตผลจะขึ้นอยู่กับกระบวนการ ในการที่จะมีความเชื่อมั่นในผลิตผล ต้องดำเนินตามขั้นตอนของแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอน สำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลำดับขั้นของภาระงานจะต้องแสดงออกมา และผลที่ได้รับที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษก็จะเกิดขึ้น
รูปแบบการสอนADDIE
เป็นกระบวนการพัฒนารูปแบบการสอนที่นักออกแบบการเรียนการสอนและนักพัฒนาการฝึกอบรมนิยมใช้กัน ซึ่ง ADDIE Model มีลำดับการพัฒนาเป็น 5 ขั้น ซึ่งประกอบด้วย การวิเคราะห์ (Analysis) การออกแบบ (Design) การพัฒนา (Development) การนำไปใช้ (Implemen tation) และการประเมินผล (Evaluation) ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นแนวทางที่มีลักษณะที่ยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถนำไปสร้างเป็นเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทฤษฎีการเรียนการสอนเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการออกแบบวัสดุ หรือสื่อการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่นทฤษฎี Behaviorism, Constructivism, social learning และ Cognitivism ทฤษฎีเหล่านี้ช่วยในการสร้างรูปแบบและกำหนดสื่อการสอน ใน ADDIE model แต่ละขั้นตอนจะมีผลลัพท์ที่จะนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นวิเคราะห์ (Analysis Phase)
ในขั้นนี้เป็นการทำความเข้าใจปัญหาการเรียนการสอน เป้าหมายของรูปแบบการสอนและวัตถุประสงค์ที่จะสร้างขึ้นตลอดจนสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และความรู้พื้นฐานและทักษะของผู้เรียนที่จำเป็นต้องมี โดยพิจารณาจากคำถามเพื่อการวิเคราะห์ดังนี้
- ใครคือกลุ่มเป้าหมายและเขาต้องมีคุณลักษณะอย่างไร
- ระบุพฤติกรรมใหม่ที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เรียน
- มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ที่มีอยู่อะไรบ้าง
- อะไรที่เป็นทางเลือกสำหรับการเรียนรู้ที่มีอยู่บ้าง
- หลักการสอนที่พิจารณาเป็นแบบไหน อย่างไร
- มีช่วงเวลาการพัฒนาเป็นอย่างไร
ขั้นที่ 2 การออกแบบ (Design Phase)
ขั้นตอนการออกแบบประกอบด้วย การสร้างจุดประสงค์การเรียนรู้ กำหนดเครื่องมือวัดประเมินผล แบบฝึกหัด เนื้อหา วางแผนการสอน และเลือกสื่อการสอน ขั้นตอนการออกแบบควรจะทำอย่างเป็นระบบและมีเฉพาะเจาะจง โดยความเป็นระบบนี้หมายถึงตรรกะ มีระเบียบแบบแผนของการจำแนก การพัฒนา และการประเมินแผนยุทธวิธีที่วางไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สำหรับความเฉพาะเจาะจงหมายถึงแต่ละองค์ประกอบของการออกแบบรูปแบบการสอนจะต้องเอาใจใส่ทุกรายละเอียด ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- จำแนกเอกสารของการออกแบบการสอนให้เป็นหมวดหมู่ทั้งด้านเทคนิคยุทธวิธีในการออกแบบการสอนและสื่อ
- กำหนดยุทธศาสตร์การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คาดหวังในแต่ละกลุ่ม(cognitive, affective, psychomotor)
- สร้างสตอรีบอร์ด
- ออกแบบ User interface และ User Experiment
- สร้างสื่อต้นแบบ
ขั้นที่ 3 ขั้นการพัฒนา (Development Phase)
ขั้นตอนการพัฒนาคือขั้นที่ผู้ออกแบบสร้างส่วนต่างๆ ที่ได้ออกแบบไว้ในขั้นของการออกแบบซึ่งครอบคลุมการ สร้างเครื่องมือวัดประเมินผล สร้างแบบฝึกหัด สร้างเนื้อหา และการพัฒนาโปรแกรมสำหรับสื่อการสอน เมื่อเรียบร้อยทำการทดสอบเพื่อหาข้อผิดพลาดเพื่อนำผลไปปรับปรุงแก้ไข
ขั้นที่ 4 ขั้นการนำดำเนินการ (Implementation Phase)
ในขั้นตอนการดำเนินการนี้ หมายถึงขั้นของการสอนโดยอาจจะเป็นรูปแบบชั้นเรียน การฝึกอบรม หรือห้องทดลอง หรือรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยจุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะต้องให้การส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนสนับสนุนการเรียนรอบรู้ของผู้เรียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆที่ตั้งไว้
ขั้นที่ 5 ขั้นการประเมินผล (Evaluation Phase)
ขั้นการประเมินผลประกอบด้วยสองส่วนคือการประเมินผลรูปแบบ (Formative) และการประ เมินผลในภาพรวม (Summative) การประเมินผลรูปแบบคือการนำเสนอในแต่ละขั้นของ ADDIE Process ซึ่งเป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนา และการประเมินผลในภาพรวมจะทำเมื่อการสอนเสร็จสิ้นเพื่อประเมินผลประสิทธิผลการสอนทั้งหมดข้อมูลจากการประเมินผลรวมโดยปกติมักจะถูกใช้เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับรูปแบบการสอน
บทบาทของผู้ออกแบบและการจัดการเรียนรู้
บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer' s role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่นำเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการออกแบบ ผู้ออกแบบก็สามารถจัดทำได้อย่างอิสระมากขึ้น ด้านเนื้อหาผู้ออกแบบสามารถที่จะทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาจากภายนอก ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glasgow, 1990 : 7-9) คือ
1. ผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทด้านการออกแบบด้วย ไม่จำเป็นต้องอาสัยความช่วยเหลือด้านความรู้ ความชำนาญทางเนื้อหาวิชา
2. ผู้ออกแบบการเรียนการสอน ที่ได้รับการร้องขอให้ทำงานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีความคุ้นเคย แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจำเป็นที่จะทำงานกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา
3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย และดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกและทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวนมาก
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
|
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
|
การเรียนการสอนเชิงระบบ
|
1. กำหนดเป้าประสงค์ (Setting goals)
|
- ตำราหลักสตรูดั้งเดิมการอ้างอิงภายใน
|
- การประเมินความต้องการจำเป็น
- การวิเคราะห์งาน
- การอ้างอิงภายนอก
|
2. จุดประสงค์(Objectives)
|
- กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆหรือการปฏิบัติของครู
- เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
|
- จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
- เลือกด้วยพิจารณาจากความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน
|
3. จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน
(Student’s knowledge of objectives)
|
- ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
|
- บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
|
4. ความสามารถก่อนเข้าเรียน (Entering capability)
|
- ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
|
- การพิจารณา
- การกำหมดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
|
5. ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง (Expected achievement)
|
- ใช้โค้งมาตรฐาน
|
- มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
|
6. ความรอบรู้ (Mastery)
|
- นักเรียนส่วนน้อยรับรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
- รูปแบบผิดพลาด
|
- นักเรียนส่วนใหญ่รับรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
|
7. ค่าระดับและการเลื่อนระดับ (Grading and promotion)
|
- อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ
|
- อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
|
8. การสอนเสริม (Remediation)
|
- บ่อยครั้งที่ไม่มีการว่างแผน
- ไม่มีการแปลงเปลี่ยนจุดประสงค์หรือวิธีการเรียนการสอน
|
- วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์อื่นๆ เลือกวิธีการเรียนการสอน
|
9.การใช้แบบทดสอบ
|
- กำหนดค่าระดับ
|
- เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน
- ตัดสินความรู้
- วินิจฉัยความยากลำบาก
- ปรับปรุงการเรียนการสอน
|
10. เวลาศึกษากับความรอบรู้ (Stidy time vs mastery)
|
- เวลาคงที่:ระดับของความรอบรู้หลากหลาย แตกต่างกัน
|
- ความรอบรู้คงที่:เวลาหลากหลายแตกต่างกัน
|
11. การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้ (Interpretation of failure to reach mastery)
|
- นักเรียนผู้สงสาร
|
- มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
|
12. การพัฒนารายวิชา (Course of development)
|
- เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
|
- ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะเลือกวัสดุอุปกรณ์
|
13. ลำดับขั้นตอน (Sequence)
|
- อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
|
- อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็นและหลักการของการเรียนรู้
|
14. การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์ (Revision of instructional and materials)
|
- อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางาน หรือความเพียงพอของวัสดุอุปกรณ์ใหม่
- เกิดขึ้นเป็นพักๆ
|
- อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล
- เกิดขึ้นเป็นจำ
|
15. กลยุทธ์การเรียนการสอน (Instructional Strategies)
|
- พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
- อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายคลึง
|
- เลือกที่จะให้ได้รับตามจุดประสงค์
- ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลาย
- อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย
|
16. การประเมินผล (Evaluation)
|
- บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : การวางแผนเชิงระบบมีน้อย
- ประเมินแบบอิงกลุ่มข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้าและกระบวนการ
|
- การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
- ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
- ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ได้รับ(ผลผลิต)
|
งานและผลิตผลของการออกแบบการเรียนการสอน
งานของผู้ปฎิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะหลากหลายในความต้องการด้านความรู้ความชำนาญ ผลิตผลที่ได้และสถานการณ์ของงาน ผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะวิเคราะห์ภาระงานภายใต้การนิเทศของผู้จัดการโครงการในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา ผู้จัดการโครงการอาจจะนำทีมซึ่งพัฒนาการประชุมเชิงปฏบัติการสามวันสำหรับการอุตสากรรม (three-day workshop) การออกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นทีมเสมอไปในองค์กรเล็กๆอาจจะใช้ผู้ออกแบบเพียงคนเดียว ในการทำภาระการออกแบบการเรียนการสอน
งานออกแบบ
พิสัยของงาน (job) เป็นไปตามสถานการณ์ และระดับที่แตกต่างกันของผู้ชํานาญการ บางครั้งผู้ออกแบบการเรียนการสอนทําหน้าที่เหมือนเป็นผู้ชํานาญการในขั้นตอนหนึ่งของ กระบวนการ ในบางงานเรียกผู้ออกแบบว่าเป็นผู้ปฏิบัติที่มีสมรรถภาพในการดําเนินโครงการตั้งแต่ เริ่มต้นจนสิ้นสุด พิสัยของงานไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่มีความเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษแต่บาง งานต้องการระดับความแตกต่างของผู้ชํานาญการ (expertise) ในตารางที่ 6 แสดงให้เห็นถึงระดับของ ผู้ชํานาญการในงานการออกแบบการเรียนการสอน
โดยปกติงานในโรงเรียนรวมถึงหน้าที่ในการออกแบบการเรียนการสอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของตําแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้นิเทศหลักสูตร (curriculum supervisor) ผู้ชํานาญการด้านสื่อ (media Specialist) นักเทคโนโลยีการเรียนการสอน (instructional technologist) เมื่อเปรียบเทียบกับ สถานการณ์อื่นๆ แล้ว ผลกระทบที่เกิดจากการออกแบบการเรียนการสอนอยู่ในระดับต่ํา
เหตุผลบางประการที่การออกแบบการเรียนการสอนให้ผลกระทบในระดับต่ํา คือ ครูยึดติด กับธรรมชาติดั้งเดิมของโรงเรียน ติดแน่นอยู่กับตารางกําหนดงานประจําวัน การพิจารณาให้ทุนกับ โรงเรียนมีน้อย การที่จะทําให้การออกแบบการเรียนการสอนมีความโดดเด่นขึ้นในสถานการณ์ภายใน โรงเรียนต้องมีการเปลี่ยนแปลงสามประการ คือ 1.ลดจํานวนเวลาที่ใช้โดยครูและนักเรียนในชั้นเรียน แบบดั้งเดิม (traditional classers) 2. ส่งเสริมการเรียนการสอนรายบุคคลในหลักสูตรให้มากขึ้น และ 3. ใช้ระบบการสอนที่สิ้นเปลืองงบประมาณน้อย (low cost) (Sees, and Glasgow, 1990 : 14)
ผลิตผลของการออกแบบ
ไม่ว่าจะเป็นงานที่ตั้งสมมติฐานไว้ หรืองานในหน้าที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ของผลิตผลก็ตาม จะมีขอบเขตที่แตกต่างและซับซ้อน งานการออกแบบการเรียนการสอนก็เช่นกัน ขอบเขตรวมถึงความแตกต่างของขนาดและเนื้อหาความซับซ้อนรวมถึงความแตกต่างของหลักสูตร หรือสื่อ ในระดับที่เล็กที่สุดของขอบเขต คือ แผนการสอน (lesson plans) และหน่วยหรือชุดโมดุล (modules) ระดับต่อไปรวมถึงรายวิชา (courses) และหน่วย (unit) รายวิชาหลักสูตรและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวอย่างของผลิตผลที่มีขอบเขตกว้างใหญ่ ระดับสูงสุดของระดับความซับซ้อน คือ สื่อการเรียนรู้
ซึ่งมีปฏิกิริยาสัมพันธ์ซึ่งกันและกันโดยอาศัยสื่อทางโทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์เข้าช่วย ระดับ ต่ําสุดของความซับซ้อน คือ กระดาษและดินสอน และสําหรับโสดทัศนวัสดุ เป็นระดับกลางของความซับซ้อน (Seels, and Glasgow, 1990 : 14)
ตารางที่ 2. งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
|
ตัวอย่างภาระงาน
|
ตัวอย่างผลผลิต
|
การวิเคราะห์-กระบวนการของการนิยามว่าต้องเรียนอะไร
|
|
|
การออกแบบ-กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอะไร
|
|
|
การพัฒนา-กระบวนการของหน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
|
|
|
การนำไปใช้-กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกความจริง
|
|
|
การปะเมินผล-กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลของการเรียนการสอน
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น